ท่อและสายไฮดรอลิคเสียหายทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ ขายท่อและสายไฮดรอลิค

ท่อและสายไฮดรอลิคเสียหายทำให้เกิดการบาดเจ็บได้

ท่อและสายไฮดรอลิคเสียหายทำให้เกิดการบาดเจ็บได้

ท่อและสายไฮดรอลิคเสียหายทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ ไม่มีอะไรที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบไฮดรอลิคและต่อผู้ปฏิบัติงานในระบบได้มากกว่าท่อไฮดรอลิคที่เสียหายหรือแตก สายและท่อไฮดรอลิคเปรียบเสมือนหลอดเลือดแดงของระบบไฮดรอลิค ที่ลำเลียงของไหลจากปั๊มไปยังกระบอกสูบไฮดรอลิค เช่นเดียวกับร่างกายของคนเรา เมื่อหลอดเลือดแดงมีปัญหา เลือดจะไม่สามารถไหลไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ ทำให้หลอดเลือดทำงานได้ไม่ดี หรือแย่ที่สุดคือไม่ทำงานเลย ซึ่งท่อและสายไฮดรอลิคก็เหมือนกันค่ะ หากน้ำมันไฮดรอลิคไม่สามารถไหลไปยังกระบอกสูบได้ กระบอกสูบไฮดรอลิคจะไม่สามารถทำงานได้ แต่ที่แย่กว่านั้นคือปั๊มไฮดรอลิคสามารถสร้างแรงดันที่สูงสุดถึง 10,000 psi หรือสูงกว่านั้น ต่างจากค่าความดันของหัวใจที่สูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกาย ซึ่งแรงดันที่มากมายขนาดนี้จะทำให้ท่อที่แตกร้าวกลายเป็นอาวุธที่ร้ายแรง เพราะเมื่อท่อไฮดรอลิคแตก มันสามารถยิงของเหลวไฮดรอลิคที่สามารถเจาะผิวหนังของคุณทำให้เกิดแผลไหม้และติดเชื้อได้ และในบางกรณีก็ถึงขั้นสามารถทำให้แขนขาขาดและถึงแก่ชีวิตได้ ฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ ซึ่งในบทความนี้แอดมินจะมาบอกแนวทางการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อตรวจสอบและทดสอบท่ออ่อนก่อนนำไปใช้งานค่ะ

ท่อและสายไฮดรอลิคเสียหายทำให้เกิดการบาดเจ็บได้


บทความที่เกี่ยวข้อง

แนวทางปฏิบัติต่อสายท่อไฮดรอลิค

  1. ตรวจสอบสายยางทั้งหมดก่อนเริ่มงาน

สายท่อที่ชำรุดจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ ฉะนั้นก่อนลงมือปฏิบัติงานให้ตรวจหาสิ่งต่อไปนี้ทุกครั้ง

  • – ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีข้องอในท่อ โดยให้ใส่ใจบริเวณปลายท่อเป็นพิเศษ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าปลอกป้องกันยังคงอยู่ เพราะปลอกหุ้มจะป้องกันการโค้งงอที่คมใกล้กับจุดต่อไฮดรอลิค
  • ระวังค่าเผื่อการโค้งงอขั้นต่ำสำหรับท่อของคุณ – เมื่อท่อไฮดรอลิคได้รับแรงดัน มันจะแข็งตัวและทำให้ระบบตึงมากขึ้น โดยเฉพาะที่ส่วนปลาย ฉะนั้นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเคลื่อนไหวนี้
  • ตรวจสอบข้อบกพร่องของท่ออย่างใกล้ชิด – ตรวจสอบรูเข็ม รอยถลอก รอยแตก หรือรอยตัด หากมีสิ่งเหล่านี้ให้เปลี่ยนท่อทันที
  • ปกป้องท่อไฮดรอลิคเสมอ

อย่าให้ความร้อน ประกายไฟ สารเคมีที่อาจสร้างความเสียหายมาโดนสายท่อ ห้ามลากท่อบนพื้น ห้ามเหยียบสายท่อหรืออนุญาตให้ใครก็ตามใช้สายท่อเป็นที่จับเมื่อต้องการเคลื่อนย้ายกระบอกสูบไฮดรอลิค

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่อได้รับการจัดอันดับอย่างถูกต้อง

ท่อไฮดรอลิคต้องได้รับการจัดอันดับสำหรับแรงดันสูงสุดในระบบ ในกรณีส่วนใหญ่ ท่อต้องได้รับการจัดอันดับให้เทียบเท่าหรือสูงกว่าพิกัดแรงดันสำหรับปั๊ม ท่อไฮดรอลิคของคุณจะมีสองระดับ หนึ่งคือแรงดันใช้งาน นั่นคือแรงดันปกติ (ควรเท่ากับปั๊ม) และอีกอันคือแรงดัน “ระเบิด” นั่นคือแรงดันที่ท่ออาจแตก ค่านี้ควรเป็นอย่างน้อยสองเท่าของแรงดันใช้งาน ตัวอย่างเช่น ท่อขนาด 10,000 psi ควรมีแรงดันระเบิดที่ 20,000 psi หรือมากกว่า บางครั้ง ท่ออาจมีแรงดันระเบิดถึง 4 เท่าของแรงดันใช้งาน ตัวอย่างเช่น ท่อ 3,000 psi ที่มีระดับการแตก 4X จะมีระดับการแตกที่ 12,000 psi แม้ว่าแรงดันระเบิดจะอยู่ที่ 12,000 psi แต่ไม่ควรใช้ในระบบ 10,000 psi เพราะมันจะไม่ปลอดภัยค่ะ

ท่อและสายไฮดรอลิคเสียหายทำให้เกิดการบาดเจ็บได้


บทสรุป

สายท่อไฮดรอลิคเปรียบเสมือนหลอดเลือดแดงในร่างกายคนเรา โดยสายท่อนี้จะลำเลียงของไหลจากปั๊มไปยังกระบอกไฮดรอลิค เพื่อให้กระบอกสูบสามารถทำงานได้ เช่นเดียวกับหลอดเลือดแดงที่ลำเลียงน้ำและเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แต่ปั๊มไฮดรอลิคมีความดันที่สูงกว่าหัวใจของเรามาก ทำให้หากสายท่อมีการแตกร้าวหรือรั่ว อาจเกิดแรงดันระเบิดและทำให้ผู้ปฏิบัติใกล้เคียงได้รับอันตรายได้ ฉะนั้นทุกครั้งก่อนใช้งานระบบไฮดรอลิค ต้องมีการตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าสายยางท่อนั้นไม่มีจุดใดที่เสียหายเลย อย่างไรก็ตามผู้อ่านควรซื้อหรือสั่งทำกระบอกไฮดรอลิคจากผู้เชี่ยวชาญ และให้เขาตรวจสอบสายท่อเมื่อทำการประกอบกระบอกไฮดรอลิคเข้ากับส่วนต่าง ๆ ในระบบค่ะ

บริษัท Thai-A เป็นทั้งผู้แทนจำหน่ายอุปกรณ์ไฮดรอลิค และผู้รับผลิตกระบอกไฮดรอลิค สามารถสั่งทำกระบอกไฮดรอลิคตามวัตถุประสงค์และตามความเหมาะสมกับงาน โดยผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อถือได้

สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิค ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบไฮดรอลิค วาล์วไฮดรอลิค และปั๊มไฮดรอลิค Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกไฮดรอลิค และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิคมายาวนานกว่า 50 ปี เรายินดีรับผลิตกระบอกไฮดรอลิค และรับผลิตกระบอกไฮดรอลิคตามสั่ง สามารถสั่งทำกระบอกไฮดรอลิคคุณภาพดีกับทางเราได้

สนใจสอบถามได้ที่

โทร : 02-026-3854

E-mail : webmaster@teacgroup.com

Facebook : thaiagency

Line ID : @thaiagency

Read More
แนวทางการป้องกันการปนเปื้อนในระบบไฮดรอลิก

แนวทางการป้องกันการปนเปื้อนในระบบไฮดรอลิก

แนวทางการป้องกันการปนเปื้อนในระบบไฮดรอลิก

ความล้มเหลวในการทำงานของระบบไฮดรอลิกแรงดันสูงส่วนใหญ่เกิดจากการปนเปื้อนของน้ำมันไฮดรอลิก เนื่องจากอนุภาคที่ละลายในน้ำมันไม่หมด ทำให้เกิดปัญหาเรื่องคุณภาพของน้ำมันไฮดรอลิก ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความล้มเหลวอย่างรุนแรงในระบบไฮดรอลิก แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไปค่ะ เพราะในบทความนี้แอดมินจะมาบอกถึงแนวทางในการลดผลกระทบจากปัญหาสิ่งสกปรกและสารปนเปื้อนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จากการใช้ระบบไฮดรอลิกกันค่ะ  

แนวทางการป้องกันการปนเปื้อนในระบบไฮดรอลิก

สารบัญ

  • การดูแลรักษาระบบไฮดรอลิกเพื่อลดการปนเปื้อนของของไหลไฮดรอลิก
  • การดูแลและบำรุงรักษาไฮดรอลิกเพื่อเพิ่มความสะอาดในกระบอกไฮดรอลิก
  • ความสะอาดและการปนเปื้อนที่สำคัญต่อการใช้ไฮดรอลิก
  • บทสรุป

การดูแลรักษาระบบไฮดรอลิกเพื่อลดการปนเปื้อนของของไหลไฮดรอลิก

ที่จริงแล้วเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนในน้ำมันไฮดรอลิกได้ เพราะน้ำมันไฮดรอลิกนั้นมีการปนเปื้อนมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เราควรรักษาระดับการปนเปื้อนที่สามารถยอมรับได้ ฉะนั้นผู้อ่านจะต้องตรวจสอบน้ำมันไฮดรอลิกเป็นประจำ โดยทำตามขั้นตอนดังนี้

  1. กรองน้ำมันใหม่ก่อนเติมลงในระบบไฮดรอลิก : แม้จะเป็นน้ำมันใหม่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นน้ำมันที่พร้อมใช้ในระบบเลย ฉะนั้นคุณจะต้องกรองน้ำมันใหม่ก่อนโหลดเสมอ
  2. จับคู่ความสะอาดของน้ำมันกับข้อกำหนดของระบบ : ทำความเข้าใจข้อกำหนดที่กำหนดโดยผู้ผลิตระบบ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าการกรองที่คุณเลือกเป็นไปตามระดับนั้น
  3. เลือกพิจารณาระบบไฮดรอลิกที่ออกแบบให้มีระบบกรองที่เข้าถึงได้ง่าย มิฉะนั้นการบำรุงรักษาและการเปลี่ยนแผ่นกรองอาจเป็นเรื่องที่ยุ่งยากสำหรับคุณ
  4. กำหนดตารางการบำรุงรักษา ตามวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติงาน สภาพแวดล้อม ตำแหน่งและความถี่ในการใช้งานระบบไฮดรอลิก และการออกแบบระบบการกรอง
  5. ทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ แผ่นกรองก่อนเปลี่ยน เพื่อป้องกันไม่ให้อนุภาคสิ่งสกปรกเข้าสู่ระบบไฮดรอลิกโดยไม่ได้ตั้งใจ
แนวทางการป้องกันการปนเปื้อนในระบบไฮดรอลิก

การดูแลและบำรุงรักษาไฮดรอลิกเพื่อเพิ่มความสะอาดในกระบอกไฮดรอลิก

กระบอกไฮดรอลิกส่วนใหญ่มาพร้อมกับที่ปัดที่จะเช็ดสิ่งสกปรกที่อาจติดอยู่ในซีลและเข้าไปปนเปื้อนในน้ำมันไฮดรอลิกได้ โดยส่วนใหญ่ที่ปัดเหล่านี้อาจจะไม่ใช่วิธีการรักษาที่ดีที่สุด คุณจึงต้องมีการทำความสะอาดอุปกรณ์ส่วนต่างๆ ในไฮดรอลิก และรักษาความสะอาดสภาพแวดล้อมที่ปฏิบัติงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการใช้ที่ปัดด้วย

ความสะอาดและการปนเปื้อนที่สำคัญต่อการใช้ไฮดรอลิก

Clean Hydraulic Fluid เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของระบบไฮดรอลิก เพราะระบบไฮดรอลิกอาศัยน้ำมันไฮดรอลิกในการถ่ายโอนกำลังและหล่อลื่นส่วนประกอบที่สำคัญในระบบ และเมื่อระบบล้มเหลว สาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับการปนเปื้อนของของไหล แม้ว่าตอนนี้ระบบไฮดรอลิกจะมีที่ปัดน้ำฝนและตัวกรองที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนแล้วก็ตาม แต่ความสะอาดของอุปกรณ์ในส่วนอื่น ๆ และคุณภาพของซีลก็ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออายุการใช้งานของระบบไฮดรอลิกอีกเช่นกัน

บทสรุป

น้ำมันไฮดรอลิกเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ระบบไฮดรอลิกทำงาน จากการถ่ายโอนและหล่อลื่นส่วนต่าง ๆ แต่เมื่อน้ำมันไฮดรอลิกมีการปนเปื้อนที่เกินค่าที่กำหนด จะส่งผลทำให้เกิดการล้มเหลวของระบบไฮดรอลิก ฉะนั้นเราจะต้องทำให้แน่ใจว่าบริเวณที่ระบบปฏิบัติงาน ส่วนประกอบของไฮดรอลิก และน้ำมันไฮดรอลิกมีความสะอาด และลดการปนเปื้อนให้ได้มากที่สุด โดยการหมั่นตรวจสอบความสะอาดเป็นประจำ และทำตามขั้นตอนที่แอดมินได้กล่าวไปข้างต้น เพื่อรักษาระบบไฮดรอลิกให้มีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานค่ะ

สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิก ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบไฮดรอลิก วาล์วไฮดรอลิก และปั๊มไฮดรอลิก Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิกมายาวนานกว่า 50 ปี เรายินดีรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกตามสั่ง

สนใจสอบถามได้ที่

โทร : 02-026-3854

E-mail : webmaster@teacgroup.com

Facebook : thaiagency

Line ID : @thaiagency

Read More
วิธีการเลือกกระบอกสูบไฮดรอลิกสำหรับงานยก

วิธีการเลือกกระบอกสูบไฮดรอลิกสำหรับงานยก

วิธีการเลือกกระบอกสูบไฮดรอลิกสำหรับงานยก

วิธีการเลือกกระบอกสูบไฮดรอลิกสำหรับงานยก การเลือกหาขนาดกระบอกสูบไฮดรอลิกให้เหมาะสมกับงานยกแต่ละประเภทเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นการยกของของชิ้นเล็ก ๆ ไปจนถึงการยกของหนัก หากเลือกกระบอกสูบที่เล็กเกินไป คุณจะไม่สามารถยกของนั้นได้และอาจทำให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานได้ อย่างน้อยที่สุดคุณอาจจะต้องกลับไปที่ร้านเพื่อซื้อกระบอกสูบไฮดรอลิกที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เพราะฉะนั้นการเลือกกระบอกสูบไฮดรอลิกจึงไม่ควรเป็นเกมการเดา และเพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น เราจึงควรคิดหาความจุโหลดของกระบอกสูบไฮดรอลิกก่อนที่จะเริ่มงาน การคำนวณอย่างง่ายจะช่วยให้มั่นใจได้ว่ากระบอกสูบไฮดรอลิกของคุณจะสามารถรับมือกับงานที่คุณต้องการจะยกได้ ซึ่งในบทความนี้แอดมินจะมาบอกถึงวิธีการคำนวณขนาดของกระบอกสูบไฮดรอลิกให้เหมาะกับงานยกของผู้อ่านกันค่ะ

สารบัญ

  • วิธีคิดหาขนาดของกระบอกสูบไฮดรอลิก Hydraulic cylinder   
  • ขั้นตอนที่ 1: ประเมินน้ำหนักสิ่งของที่คุณจะยก
  • ขั้นตอนที่ 2: หาค่าแรงดันไฮดรอลิก
  • ขั้นตอนที่ 3: หาจำนวนจุดยึด
  • ขั้นตอนที่ 4: คำนึงถึงปัจจัยด้านความปลอดภัยเสมอ

วิธีคิดหาขนาดของกระบอกสูบไฮดรอลิก          

ขั้นตอนที่ 1 : ประเมินน้ำหนักสิ่งของที่คุณจะยก

คุณจำเป็นต้องรู้ถึงน้ำหนักโดยประมาณของสิ่งของที่คุณต้องการจะยก และถ้าสามารถรู้น้ำหนักได้แม่นยำมากเท่าไหร่ ยิ่งดีมากเท่านั้น แต่ถ้าคุณไม่สามารถรู้แน่ชัดได้ และต้องประเมินน้ำหนักคร่าว ๆ แอดมินแนะนำให้คุณตั้งค่าน้ำหนักที่บวกเพิ่มขึ้นไปอีก คิดซะว่าเกินดีกว่าขาดค่ะ เพราะคุณคงไม่อยากให้การยกล้มเหลวแน่นอน ฉะนั้นการพิจารณาว่าของที่ต้องการจะยกมีน้ำหนักเท่าไหร่ จึงมีความสำคัญต่อการตัดสินใจเลือกใช้กระบอกสูบไฮดรอลิก

ขั้นตอนที่ 2 : รู้ค่าแรงดันไฮดรอลิก

แรงดันไฮดรอลิกจากปั๊มไฮดรอลิกของคุณต้องมีเพียงพอ เพื่อให้มีแรงดันที่เพียงพอต่อการทำงานของกระบอกสูบไฮดรอลิกและสามารถยกน้ำหนักที่ต้องการได้ ขนาดของกระบอกสูบจะเปล่าประโยชน์ไปเลย หากคุณไม่สามารถจ่ายแรงดันที่เพียงพอได้

ขั้นตอนที่ 3 : หาจำนวนจุดยึด

ลิฟต์บางตัวเป็นลิฟต์แบบจุดเดียวธรรมดา แต่บางครั้งอาจไม่สามารถปรับสมดุลน้ำหนักบรรทุกด้วยจุดเดียวได้ ดังนั้นจึงต้องใช้สองจุดขึ้นไป เมื่อคุณทราบจำนวนจุดยึดและน้ำหนักบรรทุกทั้งหมดที่คุณจะยก คุณสามารถคำนวณหาขนาดกระบอกสูบที่ต้องการได้ โดยการหารน้ำหนักที่ต้องการยกทั้งหมดด้วยจำนวนจุด ตัวอย่างเช่น การบรรทุกน้ำหนัก 100 ตันที่มีจุดยึดหนึ่งจุดจะต้องใช้กระบอกสูบไฮดรอลิกอย่างน้อย 100 ตัน ในขณะที่การบรรทุกแบบเดียวกันที่มีจุดยึด สี่จุดนั้นจะต้องใช้กระบอกสูบไฮดรอลิกขนาด 25 ตัน จำนวน 4 กระบอก

#ขั้นตอนที่ 4: คำนึงถึงปัจจัยด้านความปลอดภัยเสมอ

คุณคงไม่อยากให้กระบอกสูบไฮดรอลิกทำงานเกินขีดจำกัดความจุของกระบอกสูบไฮดรอลิกอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ อย่างน้อยที่สุด คุณควรใช้กระบอกสูบที่มีความจุ 125% ของความจุที่ต้องการ และถ้าเป็นไปได้ คุณควรมีกระบอกสูบ ที่สามารถรับน้ำหนักได้ 1.5 เท่าถึง 2 เท่าของน้ำหนักที่คุณต้องการยก

บทสรุป

การประเมินค่าโดยประมาณของงานที่เราต้องการจะยก ค่าแรงดันของปั๊มไฮดรอลิกที่คุณมีอยู่ในขณะนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อหาค่าขนาดกระบอกสูบไฮดรอลิก และการเลือกขนาดกระบอกสูบไฮดรอลิกให้เหมาะสมกับงานที่เราต้องการจะยกนั้นเป็นสิ่งที่เราจะต้องคำนึง มิฉะนั้นอาจเกิดความเสียหายไม่มากก็น้อยตามมาได้นั่นเองค่ะ ซึ่งเราสามารถหาค่าขนาดกระบอกสูบอย่างง่าย ๆ ตาม 4 ขั้นตอนที่กล่าวมา หรือคุณสามารถสอบถามคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเรื่องกระบอกสูบไฮดรอลิกก่อนซื้อได้ค่ะ

สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิก ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบไฮดรอลิก วาล์วไฮดรอลิก และปั๊มไฮดรอลิก Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิกมายาวนานกว่า 50 ปี เรายินดีรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกตามสั่ง

สนใจสอบถามได้ที่

โทร : 02-026-3854

E-mail : webmaster@teacgroup.com

Facebook : thaiagency

Line ID : @thaiagency

Read More
5 ประเภทกับกระบอกสูบไฮดรอลิก

5 ประเภทกับกระบอกสูบไฮดรอลิก ( hydraulic cylinder )

5 ป ระเภทกับกระบอกสูบไฮดรอลิก ( hydraulic cylinder )

กระบอกสูบไฮดรอลิก หรือ Hydraulic system เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของอุตสาหกรรมไฮดรอลิก การทำงานของระบบไฮดรอลิกเกือบทั้งหมดต้องใช้กระบอกสูบไฮดรอลิกในการแปลงพลังงานของไหลให้เป็นพลังงานกล ไม่ว่าจะเป็น รถขุด รถดั๊มพ์ รถตัก รถเกลี่ยดิน เครื่องจักรกลทางการเกษตร อุปกรณ์ออกกำลังกาย เรือ และอื่น ๆ อีก มากมาย ล้วนใช้ระบบไฮดรอลิก ที่มีกระบอกสูบไฮดรอลิกเป็นส่วนสำคัญในการทำงานทั้งสิ้น ซึ่งในบทความนี้ผู้อ่านจะได้รู้ข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับกระบอกสูบไฮดรอลิก เช่นชนิด การใช้งาน และข้อจำกัดของกระบอกสูบไฮดรอลิกกันค่ะ

กระบอกไฮดรอลิค

สารบัญ

  • กระบอกสูบเดี่ยว (Single Acting Cylinders)
  • กระบอกสูบคู่ (Double Acting Cylinders)
  • กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบ Tie-Rod (Tie-Rod Cylinders)
  • กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบเชื่อม (Welded Rod Cylinders)
  • กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบยืดไสลด์ (Telescopic Cylinders)
  • บทสรุป

5 ประเภทของกระบอกสูบไฮดรอลิก ( hydraulic cylinder )

  • กระบอกสูบเดี่ยว (Single Acting Cylinders)

ตรงส่วนหัวของกระบอกสูบไฮดรอลิกชนิดนี้จะทำงานในทิศทางเดียว เมื่อของไหลถูกสูบเข้ากระบอกสูบ ก้านลูกสูบจะยืดออก และเมื่อต้องการให้กระบอกสูบหดตัวเข้าไป หรือทำการส่งคืน จำเป็นต้องใช้ string หรือแรงดันจากภายนอก ตัวอย่างของกระบอกสูบไฮดรอลิกแบบทางเดียว คือแม่แรงไฮดรอลิก (hydraulic jack)

  • กระบอกสูบคู่ (Double Acting Cylinders)

ในกระบอกสูบไฮดรอลิกแบบ double-acting ส่วนหัวและส่วนปลายของกระบอกจะมีตัวสำหรับสูบของเหลว พอร์ตเหล่านี้จะควบคุมการไหลของของไหลและมีการเคลื่อนที่ทั้งสองทิศทาง การสูบน้ำมันไฮดรอลิกไปที่ปลายก้านสูบจะดึงก้านลูกสูบกลับ และของเหลวที่สูบไปที่ปลายก้านลูกสูบจะขยายก้านลูกสูบออก

  • กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบ Tie-Rod (Tie-Rod Cylinders)

การใช้งานในอุตสาหกรรมและการผลิตส่วนใหญ่ใช้กระบอกสูบแบบแท่ง ข้อดีของกระบอกสูบไฮดรอลิกแบบ Tie-Rod คือง่ายต่อการบำรุงรักษา ง่ายต่อการซ่อมแซมและการประกอบ สำหรับการยึดฝาท้ายของกระบอกสูบก้านผูกนั้นจะใช้แท่งเหล็กเกลียว ฝาท้ายเหล่านี้จะป้องกันการรั่วไหลของของเหลว สามารถใช้ราวแขวนได้ 4 ถึง 20 อันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละอุตสาหกรรม

  • กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบเชื่อม (Welded Rod Cylinders)

กระบอกสูบประเภทนี้เชื่อมฝาและส่วนท้ายเข้ากับกระบอกสูบโดยตรง ทำให้ประกอบและถอดประกอบได้ยาก แต่ด้วยความที่กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบเชื่อมนั้นมีโครงสร้างที่กะทัดรัด มีความยาวแบริ่งภายใน และรอบการทำงานของกระบอกสูบแบบเชื่อมที่ดี ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานแบบเคลื่อนที่เป็นหลักค่ะ

  • กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบยืดไสลด์ (Telescopic Cylinders)

กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบยืดสไลด์จะมีท่อมากกว่า 2 ท่อซ้อนกันอยู่ภายใน ท่อที่ซ้อนกันเหล่านี้เรียกว่าขั้น หรือ stage และเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อที่ซ้อนกันแต่ละอันจะน้อยลงไปเรื่อย ๆ จนถึงปลายกระบอกขั้นสุดท้ายที่มันสามารถยืดสุดได้ โดยกระบอกสูบไฮดรอลิกแบบยืดสไลด์สามารถทำงานได้ทั้งในรูปแบบเดี่ยวหรือแบบคู่ ซึ่งจะดีต่อโรงงานหรืออุตสาหกรรมที่มีพื้นที่จำกัด

กระบอกไฮดรอลิค

บทสรุป

กระบอกสูบไฮดรอลิกเป็นส่วนประกอบขั้นพื้นฐานและสำคัญที่สุดในระบบไฮดรอลิก เนื่องจากกระบอกไฮดรอลิค ( hydraulic cylinder ) จะเป็นตัวสูบของไหลไฮดรอลิกเข้ามา และเปลี่ยนพลังงานของไหลให้เป็นพลังงานกล เพื่อใช้ในการเคลื่อนที่หรือยกของหนัก ๆ ในอุตสาหกรรม แต่กระบอกสูบไฮดรอลิกนั้นมีด้วยกันหลัก ๆ อยู่ 5 ประเภท ซึ่งแต่ละชนิดก็มีลักษณะ และเหมาะกับการใช้งาน หรือมีข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป ดังที่กล่าวไปในบทความข้างต้นค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับความรู้เรื่อง 5 ประเภทของกระบอกสูบไฮดรอลิก หวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะสามารถนำความรู้ในบทความนี้ไปใช้ประโยชน์และต่อยอดได้นะคะ และบทความหน้าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร อย่าลืมติดตามตอนต่อไปกันนะคะ

สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิก ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบไฮดรอลิก วาล์วไฮดรอลิก และปั๊มไฮดรอลิก Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิกมายาวนานกว่า 50 ปี เรายินดีรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกตามสั่ง

สนใจสอบถามได้ที่

โทร : 02-026-3854

E-mail : webmaster@teacgroup.com

Facebook : thaiagency

Line ID : @thaiagency

Read More
วิธีการประกอบ กระบอกสูบไฮดรอลิก

วิธีการประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิก

วิธีการประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิก

วิธีการประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิก หากผู้อ่านต้องซื้อกระบอกสูบไฮดรอลิกตัวใหม่ หรือต้องทำการประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิกด้วยตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ในบทความนี้แอดมินจะบอกถึงขั้นตอนในการประกอบชิ้นส่วนกระบอกสูบไฮดรอลิกแบบ Step by Step กันค่ะ แต่แอดมินขอบอกไว้ก่อนเลยว่าการประกอบชิ้นส่วนนี้ไม่ใช่เรื่องหมู ๆ นะคะ หากเป็นไปได้แอดมินแนะนำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านไฮดรอลิกเป็นคนทำให้ เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดหรือความเสียหายตามมาดีกว่าค่ะ แต่รู้ไว้ก็ใช่ว่าจะเสียหาย ใช่ไหมคะ? เพราะฉะนั้นตามไปอ่านต่อกันเลยค่ะ

สารบัญ

  • ขั้นตอนการประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิก
  • สรุป
วิธีการประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิก


ขั้นตอนการประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิก

ก่อนเริ่มกระบวนการประกอบ ส่วนประกอบทุกส่วนจะต้องถูกล้างทำความสะอาดอย่างระมัดระวัง และต้องผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานแล้วทุกชิ้นส่วน หลังจากตรวจสอบชิ้นส่วนและส่วนประกอบทั้งหมด และตรวจสอบความสะอาดแล้ว กระบวนการประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิกสามารถเริ่มต้นได้เลย โดยมีขั้นตอนดังนี้

  • ขั้นแรก นำหัวลูกสูบและกระบอกสูบไปเชื่อมเข้ากับแกนกระบอกสูบ
  • ใส่ซีลให้เข้าที่สำหรับส่วนที่ต้องใช้ซีล เช่น สำหรับลูกสูบ (piston)  หัวกระบอกสูบ (cylinder head) เป็นต้น พร้อมกับลูกปืน (bearing ) และแหวนสแน็ป (snap ring)
  • ทาน้ำมันลงบนซีลที่อยู่รอบ ๆ ลูกสูบและหัวกระบอกสูบ
  • หลังจากประกอบก้านเข้ากับส่วนประกอบทุกชิ้นแล้ว กระบอกสูบทั้งหมดก็พร้อมสำหรับการติดตั้งเข้ากับท่อไฮดรอลิก
  • ในทุกขั้นตอนของการทำงาน ความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และในทุกจุดของการประกอบ พื้นผิวจะได้รับการดูแลให้สะอาดและเช็ดออกอย่างสม่ำเสมอ
  • ก่อนจะติดตั้งกระบอกสูบไฮดรอลิกเข้ากับท่อ ต้องได้รับการตรวจสอบด้วยสายตาก่อน และหลังจากนั้นท่อจะถูกติดตั้งในแนวนอน ควรทาน้ำมันในท่อจากด้านในอย่างเหมาะสม
  • ก้านลูกสูบจะถูกนำเข้าไปในท่ออย่างระมัดระวัง โดยสไลด์เข้าไปทางปลายของลูกสูบก่อน
  • หลังจากประกอบท่อและแกนลูกสูบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ให้ทำการติดตั้งตลับลูกปืนและหัวอัดจาระบี

ขั้นตอนเหล่านี้เป็นกระบวนการขั้นพื้นฐานในการประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิก แต่เนื่องจากกระบอกสูบแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน เวลาที่ใช้ในการประกอบจึงแตกต่างกันไปในแต่ละผลิตภัณฑ์ เวลาขึ้นอยู่กับจำนวนส่วนประกอบที่กระบอกสูบต้องการและขนาดของกระบอกสูบ เป็นต้น ตามที่เขียนไว้ข้างต้น กระบอกสูบที่ใหญ่กว่าจะถูกประกอบในลักษณะเดียวกัน แต่เนื่องจากขนาดและน้ำหนักอาจมีขนาดใหญ่และหนักมาก จึงจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ประเภทต่าง ๆ สำหรับการยกและบิด เข้ามาช่วยในการประกอบ

สรุป

ขั้นตอนเหล่านี้เป็นกระบวนการคร่าว ๆ ขั้นพื้นฐานที่แอดมินหยิบมาอธิบายให้ฟัง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วการประกอบชิ้นส่วนของกระบอกสูบไฮดรอลิก ทางผู้ให้บริการจะมีผู้เชียวชาญในการจัดการให้อยู่ค่ะ เพื่อความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับความรู้เรื่องขั้นตอนการประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิก หวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะสามารถนำความรู้ในบทความนี้ไปใช้ประโยชน์และต่อยอดได้นะคะ และบทความหน้าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร อย่าลืมติดตามตอนต่อไปกันนะคะ

สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิค ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบไฮดรอลิก วาล์วไฮดรอลิค และปั๊มไฮดรอลิค Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิกมายาวนานกว่า 50 ปี เรายินดีรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกตามสั่ง

สนใจสอบถามได้ที่

โทร : 02-026-3854

E-mail : webmaster@taecgroup.com

Facebook : thaiagency

Line ID : @thaiagency

Read More
Thai-A
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.