การทำงานของไฮดรอลิกในเครื่องขุดร่องลึก ในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง
การทำงานของไฮดรอลิกในเครื่องขุดร่องลึก ในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง
Trencher เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ขุดสนาม เนื่องจากสามารถเจาะพื้นและทำลายหินและดิน เพื่อให้เกิดร่องลึกในบริเวณที่ต้องการ ซึ่งความลึกของร่องนั้นก็จะแตกต่างกันไปตามรุ่นของเครื่องขุด ตั้งแต่รุ่นเล็กๆ ที่ใช้ขุดสนามเพลาะในสวน ไปจนถึงรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการขุดร่องลึกในอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถขุดรูขนาดใหญ่ได้ นิยมใช้สำหรับงานวางท่อ วางสายเคเบิล หรือเพื่อวัตถุประสงค์ในการระบายน้ำ เป็นต้น
เครื่องขุดร่องลึกมีด้วยกันหลายประเภท ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน เช่น เครื่องขุดร่องลึกแบบโซ่ ซึ่งใช้ในการขุดพื้นแข็ง เครื่องขุดร่องลึกแบบมีล้อ เพื่อสร้างร่องลึกสำหรับถนนและทางเท้า เครื่องขุดขนาดเล็ก ใช้เพื่อสร้างร่องลึกแคบในเขตเมือง และเครื่องขุดร่องลึกแบบพกพา เพื่อติดตั้งขอบแนวชลประทาน
สมัยก่อน การขุดร่องลึกเป็นหนึ่งในงานที่ซับซ้อนและอันตรายที่สุด แต่เมื่อมีการพัฒนาของเครื่องขุดร่องลึก หรือ Trencher กระบวนการก่อสร้างจึงทำได้เร็วและง่ายขึ้นมาก ซึ่ง Trencher นี้ช่วยลดความเสี่ยงของไซต์งาน ลดต้นทุน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มประสิทธิภาพในการก่อสร้าง และความแม่นยำ ซึ่งเป็นข้อดีของเครื่องขุดร่องลึก โดยเครื่องขุดนี้สามารถขุดดินด้วยการเคลื่อนไหลอย่างต่อเนื่อง ความกว้างและความลึกรูที่ต้องการขุดสามารถปรับขนาดได้ตามอุปกรณ์ยึดร่องสลักที่เลือก ซึ่งในบทความนี้แอดมินจะมาอธิบายถึงหลักการทำงานพื้นฐานของเครื่องขุดร่องลึกโซ่ ซึ่งมีการนำเอาระบบไฮดรอลิกมาใช้ในเครื่องจักรกลนี้ด้วย
ส่วนประกอบหลักของเครื่องขุดร่องลึกโซ่นี้ คือโซ่ขุด (digging chain), บูมขุด (digging boom), สว่าน (auger with slinger), บูมครัมเปอร์ (crumber boom), ชูครัมเปอร์ (crumber shoe), สลักล็อค (side shift locking pin), มอเตอร์ไฮดรอลิก, ตัวปรับความตึงของโซ่ (chain tension adjustment) ฯลฯ การออกแบบเครื่องขุดร่องลึกโซ่ได้รวมดอกสว่านเพื่อป้องกันไม่ให้ดินที่ขุดกลับเข้าไปในร่องลึก ดินนี้จะถูกยกขึ้นโดยใช้สายพานลำเลียงเพื่อขนส่งไปยังรถพ่วง ในขณะที่ชุดไฮดรอลิกของเครื่องขุด จะประกอบด้วยท่ออ่อน ข้อต่อ และข้อต่อสำหรับถ่ายโอนของเหลวที่มีแรงดันไปยังส่วนประกอบไฮดรอลิกต่าง ๆ
การทำงานของไฮดรอลิก ในเครื่องขุดร่องลึก
ที่จริงแล้วเครื่องขุดร่องลึกที่พ่วงมากับเครื่องจักรก่อสร้าง จะมีระบบไฮดรอลิกเสริมสำหรับเปิดเครื่องขุดร่องลึก การเอียง การยก หรือการลดระดับของร่องลึกทั้งหมดทำได้โดยใช้กลไกไฮดรอลิกที่อยู่ในเครื่องจักรก่อสร้าง ส่วนการสตาร์ทและการหยุดของเครื่องขุดร่องลึกจะถูกควบคุมโดยไฮดรอลิกเสริม นอกจากนี้ระบบควบคุมไฮดรอลิกเสริมยังควบคุมความเร็วของเครื่องขุดร่องลึก โดยปรับการไหลของของไหลผ่านวงจรไฮดรอลิกอีกด้วย
บทสรุป
Trencher เป็นเครื่องขุดร่องลึก มีตั้งแต่ขนาดเล็กที่ใช้ในสวน ไปจนถึงขนาดอุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้าง นิยมใช้ในการวางท่อ การวางสายเคเบิล เป็นต้น ในบทความนี้แอดมินพูดถึงเครื่องขุดร่องลึกแบบโซ่ ซึ่งพ่วงมากับเครื่องจักรกลหนักในการก่อสร้าง โดยเครื่องจักรกลหนักที่เป็นตัวหลักนี้จะใช้ระบบไฮดอรลิกหลัก เพื่อควบคุมการลาดเอียง การยก หรือการลดระดับของเครื่องขุดร่องลึก แต่การสตาร์ทหรือดับเครื่องขุดหรือควบคุมความเร็วของเครื่องขุดจะถูกควบคุมด้วยไฮดรอลิกเสริม
สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิก ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบไฮดรอลิก วาล์วไฮดรอลิก และปั๊มไฮดรอลิก Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิกมายาวนานกว่า 50 ปี เรายินดีรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกตามสั่ง
สนใจสอบถามได้ที่
โทร : 02-026-3854
E-mail : webmaster@teacgroup.com
Facebook : thaiagency
Line ID : @thaiagency
ชุดต้นกำลัง (Power unit) ในระบบไฮดรอลิกสำคัญยังไง
ชุดต้นกำลัง (Power unit) ในระบบไฮดรอลิกสำคัญยังไง
ชุดต้นกำลัง (Power unit) มีหน้าที่สำคัญในการขับเคลื่อนระบบไฮดรอลิก ให้เป็นไปตามความต้องการ เช่น แรงดันของกระบอกสูบไฮดรอลิก, ความเร็วของกระบอกสูบไฮดรอลิกหรือ ต้องการควบคุมอุปกรณ์ต่อพ่วงชนิดอื่น ๆ โดยชุดต้นกำลังจะประกอบไปด้วยอุปกรณ์ไฮดรอลิกหลาย ๆ ชนิด ขึ้นอยู่กับการออกแบบ และลักษณะการใช้งานในแต่ละงาน ชุดต้นกำลังสามารถจ่ายแรงดันน้ำมันไฮดรอลิกและปรับปรุงคุณภาพน้ำมันไฮดรอลิกได้ซึ่งทำหน้าที่กรองสิ่งสกปรก ระบายความร้อน ของน้ำมันที่ไหลกลับมาจากการใช้งาน และไม่ให้เกิดฟองอากาศ
ชุดต้นกำลังแบบมาตรฐาน (Standard Power unit)
เป็นชุดต้นกำลังที่เหมาะใช้กับงานอุตสาหกรรมทั่วไป วงจรไม่ซับซ้อนมีแรงดันใช้งานอยู่ที่ 35 – 200 bar มีอุปกรณ์หลักในการทำงานอย่างเช่น ปั้มไฮดรอลิค วาล์วควบคุมแรงดัน วาล์วควบคุมทิศทาง วาล์วควบคุมการไหล เป็นต้น
หน้าที่และการทำงานของอุปกรณ์บางส่วนในชุดต้นกำลังแบบมาตรฐาน (Standard Power unit)
- ไฮดรอลิกปั๊ม (Hydraulic pump) อุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานจากการหมุน ซึ่งขับโดยเครื่องยนต์หรือมอเตอร์ไฟฟ้า เป็นตัวส่งน้ำมันไฮดรอลิคเข้าสู่วงจรไฮดรอลิค เมื่อใดก็ตามที่เครื่องยนต์หรือมอเตอร์หมุนปั๊มก็จะทำงานไปด้วย
- กรองน้ำมันขาดูด (Suction Filter) ทำหน้าที่กรองน้ำมันไฮดรอลิกก่อนเข้าปั้ม โดยมีหน่วยวัดความละเอียด เป็น Mesh มีทั้งแบบที่เป็นตาข่ายเหล็กและสแตนเลส
- วาล์วควบคุมความดัน (Relief Valve) ทำหน้าที่ควบคุมและจำกัดแรงดันในระบบให้เป็นไปตามค่าที่ตั้งไว้
- วาล์วควบคุมความเร็ว (Flow control valve) ทำหน้าที่ควบคุมความเร็วของกระบอกสูบ หรือ ไฮดรอลิก มอเตอร์ สามารถแบ่งการควบคุมได้ 2 แบบ คือ แบบทางเดียว และ แบบสองทาง
- วาล์วกันตก (Pilot Check valve) ทำหน้าที่ Block แรงดันของน้ำมันไว้ที่กระบอกสูบ เพื่อไม่ให้กระบอกสูบ ยุบตัว กรณีที่ต้องการยก Load ค้างตำแหน่งไว้
สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิก ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบไฮดรอลิก วาล์วไฮดรอลิก และปั๊มไฮดรอลิก Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกและเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิคมายาวนานกว่า 50 ปี
บทความที่น่าสนใจ
- ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการกันกระแทกกระบอกสูบไฮดรอลิก
- โครงสร้างพื้นฐานของกระบอกสูบไฮดรอลิค
- วิธีการซ่อมแซมกระบอกสูบไฮดรอลิคเบื้องต้น
สนใจสอบถามได้ที่
โทร : 02-026-3854
E-mail : webmaster@teacgroup.com
Facebook : thaiagency
Line ID : @thaiagency
ของไหลไฮดรอลิกติดไฟได้หรือไม่?
ของไหลไฮดรอลิกติดไฟได้หรือไม่?
ในระบบไฮดรอลิก ของเหลวหรือน้ำมันไฮดรอลิกมีบทบาทที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะ SKD ไม่มีของเหลวตัวนี้ ระบบไฮดรอลิกก็ไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม เช่น การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิจะส่งผลต่อน้ำมันไฮดรอลิกและการทำงานของระบบ แน่นอนว่าถ้าอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น ของเหลวจะระเหย และถ้าอุณหภูมิลดต่ำลง ของเหลวก็จะแข็งตัว แล้วจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อของเหลวไฮดรอลิกต้องใช้งานที่ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นและสัมผัสกับประกายไฟ ของเหลวจะติดไฟหรือไม่ ในบทความนี้แอดมินได้หาคำตอบมาให้ผู้อ่านแล้วค่ะ
สารบัญ
- ชนิดของน้ำมันไฮดรอลิก
- HFAE
- HFAS
- HFB
- HFC
- HFDR
- HFDU
- บทสรุป
การใช้งานในแต่ละประเภทของระบบไฮดรอลิก ที่มีสภาพการทำงานและสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน ทำให้ผู้ปฏิบัติงานต้องมีการเลือกใช้น้ำมันไฮดรอลิกให้มีความเหมาะสมกับงาน เพราะผลลัพธ์ของระบบขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำมันไฮดรอลิกที่ใช้ด้วยนั่นเองค่ะ
น้ำมันไฮดรอลิกที่ทนไฟส่วนใหญ่จะจำแนกเป็นน้ำมันอิมัลชันและน้ำอิมัลชัน สารละลายพอลิเมอร์น้ำ ซินธิติกส์แอนไฮดรัส ซึ่งของเหลวไฮดรอลิกที่ทนไฟจะมีปริมาณน้ำมากกว่า 35% ตามมาตรฐาน ISO 12922:2012 โดยสามารถแบ่งออกอีกได้ดังนี้ HFAE, HFAS, HFB, HFC, HFDR และ HFDU
ชนิดของน้ำมันไฮดรอลิก
- HFAE
เป็นน้ำมันในน้ำอิมัลชันที่มีลักษณะคล้ายน้ำนมโปร่งแสง ประกอบด้วยน้ำมากกว่า 80% และทนต่อการเสื่อมสภาพ HFAE เหมาะสำหรับการใช้งานในด้านการสนับสนุนทุ่นระเบิด ไดรฟ์ไฮโดรสแตติก และส่วนต่อขยายสตรัทไฮดรอลิกใต้พื้นดิน เป็นต้น
- HFAS
เป็นของเหลวในน้ำสังเคราะห์ที่มีลักษณะโปร่งใส ปราศจากน้ำมันแร่และมีปริมาณน้ำมากกว่า 80% เหมาะสำหรับการใช้งานในด้านการสนับสนุนทุ่นระเบิด และเทคโนโลยีโรงหล่อ เป็นต้น
- HFB
เป็นน้ำในน้ำมันอิมัลชันที่มีน้ำมากกว่า 40% การขุดถ่านหินเป็นการประยุกต์ใช้ HFB ใต้พื้นดิน 650 °C คืออุณหภูมิจุดติดไฟขั้นต่ำที่กำหนดตามมาตรฐาน ISO
- HFC
HFC เป็นที่รู้จักกันในนามสารละลายไกลคอล (glycol), สารละลายโพลีอัลคิลีนไกลคอลหรือไกลคอลน้ำ เป็นสารละลายพอลิเมอร์น้ำที่มีน้ำมากกว่า 35% มีอุณหภูมิจุดติดไฟที่ 600 °C HFC เหมาะสำหรับการใช้งานในทุกสาขาที่ไม่ใช้น้ำมันไฮดรอลิก เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก โรงงานถ่านโค้ก โรงหล่อ โรงงานชุบแข็ง เครื่องอัดขึ้นรูป การฉีดขึ้นรูป เป็นต้น
- HFDR
HFDR ใช้เอสเทอร์กรดฟอสฟอริก มีความหนืดและอุณหภูมิต่ำ จัดเป็นวัสดุการทำงานที่เป็นอันตรายเนื่องจากสามารถก่อเป็นก๊าซพิษในกรณีเกิดไฟไหม้
- HFDU
HFDU สามารถจัดประเภทได้อีกตามไกลคอลและตามเอสเทอร์ โดย HFDU ที่ใช้ไกลคอล จะมีความหนืด มีลักษณะเฉพาะของอุณหภูมิ มีความเสถียรในการรับแรงเฉือน และสามารถต้านทานต่อการเสื่อมสภาพ เป็นของเหลวที่ละลายน้ำได้ซึ่งมีการป้องกันการสึกหรอที่ดี ในขณะที่ HFDU ที่ใช้เอสเทอร์ มีความสามารถในการละลายสิ่งสกปรกได้ดี
บทสรุป
น้ำมันไฮดรอลิกเป็นของเหลวที่มีบทบาทสำคัญที่ทำให้ระบบไฮดรอลิกดำเนินงานได้ตามต้องการ และน้ำมันไฮดรอลิกแต่ละชนิดนั้นมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ซึ่งเหมาะสมกับงานคนละประเภท แต่น้ำมันไฮดรอลิกที่ทนไฟส่วนใหญ่จะแบ่งเป็นน้ำมันอิมัลชันและน้ำอิมัลชัน ซึ่งของเหลวที่ทนไฟ จะมีปริมาณมากมากกว่า 35% ตามหลัก ISO 12922:2012 น้ำมันไฮดรอลิก HFAE, HFAS, HFB, HFC, HFDR และ HFDU ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ คือชนิดของของเหลวที่ทนต่อการติดไฟ เนื่องจากมีอุณหภูมิจุดติดไฟที่สูง จึงทำให้สามารถใช้กับงานหรือสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดไฟไหม้แต่อย่างใดค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับความรู้เรื่อง ชนิดของน้ำมันไฮดรอลิก หวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะสามารถนำความรู้ในบทความนี้ไปใช้ประโยชน์และต่อยอดได้นะคะ และบทความหน้าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร อย่าลืมติดตามตอนต่อไปกันนะคะ
สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิก ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบไฮดรอลิก วาล์วไฮดรอลิก และปั๊มไฮดรอลิก Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิกมายาวนานกว่า 50 ปี เรายินดีรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกตามสั่ง
บทความที่น่าสนใจ
- 3 ส่วนสำคัญของระบบไฮดรอลิก
- วิธีการเลือกกระบอกสูบไฮดรอลิกสำหรับงานยก
- ระบบไฮดรอลิกใช้กับการควบคุมอะไรบ้าง ?
สนใจสอบถามได้ที่
โทร : 02-026-3854
E-mail : webmaster@teacgroup.com
Facebook : thaiagency
Line ID : @thaiagency
3 ส่วนสำคัญของระบบไฮดรอลิก
3 ส่วนสำคัญของระบบไฮดรอลิก
ระบบไฮดรอลิกเป็นระบบที่ใช้งานกันอย่างกว้างขวาง และสิ่งที่ต้องการนำไปใช้ ก็คือ งาน หรือแรง ที่เกิดจากระบบไฮดรอลิก เช่น การเอาแรงจากกระบอกไฮดรอลิกไปกด อัด หรือตัดชิ้นงาน และการขับเคลื่อน โดย 3 ส่วนสำคัญของงานไฮดรอลิกที่ทำให้ระบบใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมี 3 ส่วน ดังนี้
1. แหล่งจ่ายพลังงาน
ทำหน้าที่ส่งพลังงานน้ำมันเข้าสู่ระบบ โดยมี มอเตอร์ไฟฟ้า หรือ เครื่องยนต์เป็นตัวขับปั๊มไฮดรอลิกให้หมุน เพื่อที่จะดูดน้ำมันจากถังพักเข้ามาในตัวเสื้อของปั๊ม แล้วส่งออกไปสู่ระบบไฮดรอลิก ซึ่งจะประกอบไปด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ ดังนี้ ปั๊มไฮดรอลิก, มอเตอร์ไฟฟ้า หรือ เครื่องยนต์ขับ, ถังพักน้ำมัน, ไส้กรองน้ำมัน, ที่ดูระดับน้ำมัน, ฝาเติมน้ำมัน ,ระบบระบายอากาศ และประกับเพลา
2. ระบบควบคุมการทำงาน
เป็นระบบที่ใช้ควบคุมการทำงานของกระบอกไฮดรอลิก หรือ มอเตอร์ไฮดรอลิก ที่ควบคุมทิศทางการไหลของน้ำมันไฮดรอลิก ทำให้กระบอกเคลื่อนที่ เข้า-ออก ได้ เช่น โซลินอยด์วาล์ว ควบคุมความดันของน้ำมันไฮดรอลิกในระบบ เพื่อจำกัดความดัน ให้เป็นไปตามต้องการ ในการใช้งานต่าง ๆ อุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมความดัน ได้แก่ วาล์วปลดความดัน หรือ รีลีฟวาล์ว, วาล์วลดความดัน, วาล์วควบคุมลำดับการทำงาน, วาล์วลัดวงจร แต่ระบบควบคุมการทำงานยังต้องควบคุมปริมาณการไหล ของน้ำมันไฮดรอลิกให้เหมาะสม เพื่อให้สามารถควบคุมความเร็ว ของอุปกรณ์ทำงานได้ โดยมีอยู่ 2 ชนิดคือ ชนิดปรับช่องทางออก และ ชนิดเปิดออกช่องทางผ่าน
3. อุปกรณ์ทำงาน
ทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงพลังงานจาก พลังงานไฮดรอลิกเป็นพลังงานกล เพื่อกระทำต่อภาวะโหลด ส่วนใหญ่อุปกรณ์ทำงานจะมี 2 ประเภทใหญ่ คือ กระบอกสูบ จะส่งถ่ายพลังงานในแนวเชิงเส้น และ มอเตอร์ไฮดรอลิก จะส่งถ่ายพลังงานในแนวรัศมี
สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิก ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบไฮดรอลิก วาล์วไฮดรอลิก และปั้มไฮดรอลิค Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิกมายาวนานกว่า 50 ปี เรายินดีรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกตามสั่ง
สนใจสอบถามได้ที่
โทร : 02-026-3854
E-mail : webmaster@teacgroup.com
Facebook : thaiagency
Line ID : @thaiagency
วิธีการเลือกกระบอกสูบไฮดรอลิกสำหรับงานยก
วิธีการเลือกกระบอกสูบไฮดรอลิกสำหรับงานยก
วิธีการเลือกกระบอกสูบไฮดรอลิกสำหรับงานยก การเลือกหาขนาดกระบอกสูบไฮดรอลิกให้เหมาะสมกับงานยกแต่ละประเภทเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นการยกของของชิ้นเล็ก ๆ ไปจนถึงการยกของหนัก หากเลือกกระบอกสูบที่เล็กเกินไป คุณจะไม่สามารถยกของนั้นได้และอาจทำให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานได้ อย่างน้อยที่สุดคุณอาจจะต้องกลับไปที่ร้านเพื่อซื้อกระบอกสูบไฮดรอลิกที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เพราะฉะนั้นการเลือกกระบอกสูบไฮดรอลิกจึงไม่ควรเป็นเกมการเดา และเพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น เราจึงควรคิดหาความจุโหลดของกระบอกสูบไฮดรอลิกก่อนที่จะเริ่มงาน การคำนวณอย่างง่ายจะช่วยให้มั่นใจได้ว่ากระบอกสูบไฮดรอลิกของคุณจะสามารถรับมือกับงานที่คุณต้องการจะยกได้ ซึ่งในบทความนี้แอดมินจะมาบอกถึงวิธีการคำนวณขนาดของกระบอกสูบไฮดรอลิกให้เหมาะกับงานยกของผู้อ่านกันค่ะ
สารบัญ
- วิธีคิดหาขนาดของกระบอกสูบไฮดรอลิก Hydraulic cylinder
- ขั้นตอนที่ 1: ประเมินน้ำหนักสิ่งของที่คุณจะยก
- ขั้นตอนที่ 2: หาค่าแรงดันไฮดรอลิก
- ขั้นตอนที่ 3: หาจำนวนจุดยึด
- ขั้นตอนที่ 4: คำนึงถึงปัจจัยด้านความปลอดภัยเสมอ
วิธีคิดหาขนาดของกระบอกสูบไฮดรอลิก
ขั้นตอนที่ 1 : ประเมินน้ำหนักสิ่งของที่คุณจะยก
คุณจำเป็นต้องรู้ถึงน้ำหนักโดยประมาณของสิ่งของที่คุณต้องการจะยก และถ้าสามารถรู้น้ำหนักได้แม่นยำมากเท่าไหร่ ยิ่งดีมากเท่านั้น แต่ถ้าคุณไม่สามารถรู้แน่ชัดได้ และต้องประเมินน้ำหนักคร่าว ๆ แอดมินแนะนำให้คุณตั้งค่าน้ำหนักที่บวกเพิ่มขึ้นไปอีก คิดซะว่าเกินดีกว่าขาดค่ะ เพราะคุณคงไม่อยากให้การยกล้มเหลวแน่นอน ฉะนั้นการพิจารณาว่าของที่ต้องการจะยกมีน้ำหนักเท่าไหร่ จึงมีความสำคัญต่อการตัดสินใจเลือกใช้กระบอกสูบไฮดรอลิก
ขั้นตอนที่ 2 : รู้ค่าแรงดันไฮดรอลิก
แรงดันไฮดรอลิกจากปั๊มไฮดรอลิกของคุณต้องมีเพียงพอ เพื่อให้มีแรงดันที่เพียงพอต่อการทำงานของกระบอกสูบไฮดรอลิกและสามารถยกน้ำหนักที่ต้องการได้ ขนาดของกระบอกสูบจะเปล่าประโยชน์ไปเลย หากคุณไม่สามารถจ่ายแรงดันที่เพียงพอได้
ขั้นตอนที่ 3 : หาจำนวนจุดยึด
ลิฟต์บางตัวเป็นลิฟต์แบบจุดเดียวธรรมดา แต่บางครั้งอาจไม่สามารถปรับสมดุลน้ำหนักบรรทุกด้วยจุดเดียวได้ ดังนั้นจึงต้องใช้สองจุดขึ้นไป เมื่อคุณทราบจำนวนจุดยึดและน้ำหนักบรรทุกทั้งหมดที่คุณจะยก คุณสามารถคำนวณหาขนาดกระบอกสูบที่ต้องการได้ โดยการหารน้ำหนักที่ต้องการยกทั้งหมดด้วยจำนวนจุด ตัวอย่างเช่น การบรรทุกน้ำหนัก 100 ตันที่มีจุดยึดหนึ่งจุดจะต้องใช้กระบอกสูบไฮดรอลิกอย่างน้อย 100 ตัน ในขณะที่การบรรทุกแบบเดียวกันที่มีจุดยึด สี่จุดนั้นจะต้องใช้กระบอกสูบไฮดรอลิกขนาด 25 ตัน จำนวน 4 กระบอก
#ขั้นตอนที่ 4: คำนึงถึงปัจจัยด้านความปลอดภัยเสมอ
คุณคงไม่อยากให้กระบอกสูบไฮดรอลิกทำงานเกินขีดจำกัดความจุของกระบอกสูบไฮดรอลิกอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ อย่างน้อยที่สุด คุณควรใช้กระบอกสูบที่มีความจุ 125% ของความจุที่ต้องการ และถ้าเป็นไปได้ คุณควรมีกระบอกสูบ ที่สามารถรับน้ำหนักได้ 1.5 เท่าถึง 2 เท่าของน้ำหนักที่คุณต้องการยก
บทสรุป
การประเมินค่าโดยประมาณของงานที่เราต้องการจะยก ค่าแรงดันของปั๊มไฮดรอลิกที่คุณมีอยู่ในขณะนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อหาค่าขนาดกระบอกสูบไฮดรอลิก และการเลือกขนาดกระบอกสูบไฮดรอลิกให้เหมาะสมกับงานที่เราต้องการจะยกนั้นเป็นสิ่งที่เราจะต้องคำนึง มิฉะนั้นอาจเกิดความเสียหายไม่มากก็น้อยตามมาได้นั่นเองค่ะ ซึ่งเราสามารถหาค่าขนาดกระบอกสูบอย่างง่าย ๆ ตาม 4 ขั้นตอนที่กล่าวมา หรือคุณสามารถสอบถามคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเรื่องกระบอกสูบไฮดรอลิกก่อนซื้อได้ค่ะ
สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิก ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบไฮดรอลิก วาล์วไฮดรอลิก และปั๊มไฮดรอลิก Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิกมายาวนานกว่า 50 ปี เรายินดีรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกตามสั่ง
สนใจสอบถามได้ที่
โทร : 02-026-3854
E-mail : webmaster@teacgroup.com
Facebook : thaiagency
Line ID : @thaiagency
ตัวกรองน้ำมัน (Filter) มีหน้าที่อย่างไรในระบบไฮดรอลิก
ตัวกรองน้ำมัน (Filter) มีหน้าที่อย่างไรในระบบไฮดรอลิก
เมื่อน้ำมันสกปรกจะทำให้อุปกรณ์ไฮดรอลิกในระบบทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เกิดจากมีเศษเหล็กหรือสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตันติดตามท่อหรือชิ้นส่วนกลไกระบบไฮดรอลิก ทำให้ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพหรือไม่ทำงาน
ตัวกรองน้ำมันไฮดรอลิกจะแบ่งได้เป็น 2 ประเภท
กรองน้ำมันขาเข้า (Suction Filter)
ตัวกรองน้ำมันขาเข้าจะติดตั้งอยู่ในตำแหน่งก่อนเข้าปั๊ม ซึ่งจะเป็นตัวป้องกันความเสียหายที่เกิดกับปั๊มจากสิ่งเจือปนที่อาจจะอยู่ในน้ำมันไฮดรอลิก
กรองน้ำมันขากลับ (Return Filter)
ตัวกรองน้ำมันขากลับจะติดตั้งอยู่ที่ทางเดินน้ำมัน ก่อนที่น้ำมันจะกลับเข้าถัง กรองน้ำมันขากลับติดตั้งไว้เพื่อที่จะกรองเอาอนุภาคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการทำงานของอุปกรณ์ในระบบ เช่น การแตกหักเสียหายและการสึกหรอของชิ้นส่วนต่าง ๆ ตลอดจนอนุภาคที่เล็ดรอดจากการกรองของกรองตัวอื่นที่ติดตั้งอยู่ในระบบ
ความสำคัญของตัวกรองไฮดรอลิก (Filter)
จากการวิจัยพบว่า 70-90% ของปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบไฮดรอลิกนั้น เกิดจากสิ่งปนเปื้อนในน้ำมันไฮดรอลิก ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ที่พบจะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่าง ๆ ตามมามากมาย เช่น
- เสียเวลาในกระบวนการผลิต ( System Downtime )
- คุณภาพของสินค้าลดลง ( Decline in Product Quality)
- เสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม หรือ เปลี่ยนอุปกรณ์ไฮดรอลิค ( Equipment repair and replacement )
- ประสิทธิภาพของอุปกรณ์ต่าง ๆ ลดลง ( Loss of Component Efficiency )
สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิก ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบไฮดรอลิก วาล์วไฮดรอลิก และปั๊มไฮดรอลิก Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกและเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิคมายาวนานกว่า 50 ปี
สนใจสอบถามได้ที่
โทร : 02-026-3854
E-mail : webmaster@teacgroup.com
Facebook : thaiagency
Line ID : @thaiagency
5 ประเภทกับกระบอกสูบไฮดรอลิก
5 ประเภทกับกระบอกสูบไฮดรอลิก
กระบอกสูบไฮดรอลิก หรือ Hydraulic system เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของอุตสาหกรรมไฮดรอลิก การทำงานของระบบไฮดรอลิกเกือบทั้งหมดต้องใช้กระบอกสูบไฮดรอลิกในการแปลงพลังงานของไหลให้เป็นพลังงานกล ไม่ว่าจะเป็น รถขุด รถดั๊มพ์ รถตัก รถเกลี่ยดิน เครื่องจักรกลทางการเกษตร อุปกรณ์ออกกำลังกาย เรือ และอื่น ๆ อีก มากมาย ล้วนใช้ระบบไฮดรอลิก ที่มีกระบอกสูบไฮดรอลิกเป็นส่วนสำคัญในการทำงานทั้งสิ้น ซึ่งในบทความนี้ผู้อ่านจะได้รู้ข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับกระบอกสูบไฮดรอลิก เช่นชนิด การใช้งาน และข้อจำกัดของกระบอกสูบไฮดรอลิกกันค่ะ
สารบัญ
- กระบอกสูบเดี่ยว (Single Acting Cylinders)
- กระบอกสูบคู่ (Double Acting Cylinders)
- กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบ Tie-Rod (Tie-Rod Cylinders)
- กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบเชื่อม (Welded Rod Cylinders)
- กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบยืดไสลด์ (Telescopic Cylinders)
- บทสรุป
5 ประเภทของกระบอกสูบไฮดรอลิก
- กระบอกสูบเดี่ยว (Single Acting Cylinders)
ตรงส่วนหัวของกระบอกสูบไฮดรอลิกชนิดนี้จะทำงานในทิศทางเดียว เมื่อของไหลถูกสูบเข้ากระบอกสูบ ก้านลูกสูบจะยืดออก และเมื่อต้องการให้กระบอกสูบหดตัวเข้าไป หรือทำการส่งคืน จำเป็นต้องใช้ string หรือแรงดันจากภายนอก ตัวอย่างของกระบอกสูบไฮดรอลิกแบบทางเดียว คือแม่แรงไฮดรอลิก (hydraulic jack)
- กระบอกสูบคู่ (Double Acting Cylinders)
ในกระบอกสูบไฮดรอลิกแบบ double-acting ส่วนหัวและส่วนปลายของกระบอกจะมีตัวสำหรับสูบของเหลว พอร์ตเหล่านี้จะควบคุมการไหลของของไหลและมีการเคลื่อนที่ทั้งสองทิศทาง การสูบน้ำมันไฮดรอลิกไปที่ปลายก้านสูบจะดึงก้านลูกสูบกลับ และของเหลวที่สูบไปที่ปลายก้านลูกสูบจะขยายก้านลูกสูบออก
- กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบ Tie-Rod (Tie-Rod Cylinders)
การใช้งานในอุตสาหกรรมและการผลิตส่วนใหญ่ใช้กระบอกสูบแบบแท่ง ข้อดีของกระบอกสูบไฮดรอลิกแบบ Tie-Rod คือง่ายต่อการบำรุงรักษา ง่ายต่อการซ่อมแซมและการประกอบ สำหรับการยึดฝาท้ายของกระบอกสูบก้านผูกนั้นจะใช้แท่งเหล็กเกลียว ฝาท้ายเหล่านี้จะป้องกันการรั่วไหลของของเหลว สามารถใช้ราวแขวนได้ 4 ถึง 20 อันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละอุตสาหกรรม
- กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบเชื่อม (Welded Rod Cylinders)
กระบอกสูบประเภทนี้เชื่อมฝาและส่วนท้ายเข้ากับกระบอกสูบโดยตรง ทำให้ประกอบและถอดประกอบได้ยาก แต่ด้วยความที่กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบเชื่อมนั้นมีโครงสร้างที่กะทัดรัด มีความยาวแบริ่งภายใน และรอบการทำงานของกระบอกสูบแบบเชื่อมที่ดี ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานแบบเคลื่อนที่เป็นหลักค่ะ
- กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบยืดไสลด์ (Telescopic Cylinders)
กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบยืดสไลด์จะมีท่อมากกว่า 2 ท่อซ้อนกันอยู่ภายใน ท่อที่ซ้อนกันเหล่านี้เรียกว่าขั้น หรือ stage และเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อที่ซ้อนกันแต่ละอันจะน้อยลงไปเรื่อย ๆ จนถึงปลายกระบอกขั้นสุดท้ายที่มันสามารถยืดสุดได้ โดยกระบอกสูบไฮดรอลิกแบบยืดสไลด์สามารถทำงานได้ทั้งในรูปแบบเดี่ยวหรือแบบคู่ ซึ่งจะดีต่อโรงงานหรืออุตสาหกรรมที่มีพื้นที่จำกัด
บทสรุป
กระบอกสูบไฮดรอลิกเป็นส่วนประกอบขั้นพื้นฐานและสำคัญที่สุดในระบบไฮดรอลิก เนื่องจากกระบอกไฮดรอลิคจะเป็นตัวสูบของไหลไฮดรอลิกเข้ามา และเปลี่ยนพลังงานของไหลให้เป็นพลังงานกล เพื่อใช้ในการเคลื่อนที่หรือยกของหนัก ๆ ในอุตสาหกรรม แต่กระบอกสูบไฮดรอลิกนั้นมีด้วยกันหลัก ๆ อยู่ 5 ประเภท ซึ่งแต่ละชนิดก็มีลักษณะ และเหมาะกับการใช้งาน หรือมีข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป ดังที่กล่าวไปในบทความข้างต้นค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับความรู้เรื่อง 5 ประเภทของกระบอกสูบไฮดรอลิก หวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะสามารถนำความรู้ในบทความนี้ไปใช้ประโยชน์และต่อยอดได้นะคะ และบทความหน้าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร อย่าลืมติดตามตอนต่อไปกันนะคะ
สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิก ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบไฮดรอลิก วาล์วไฮดรอลิก และปั๊มไฮดรอลิก Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิกมายาวนานกว่า 50 ปี เรายินดีรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกตามสั่ง
สนใจสอบถามได้ที่
โทร : 02-026-3854
E-mail : webmaster@teacgroup.com
Facebook : thaiagency
Line ID : @thaiagency
เกร็ดความรู้พื้นฐานของ Actuator กระบอกสูบไฮดรอลิก
เกร็ดความรู้พื้นฐานของ Actuator กระบอกสูบไฮดรอลิก
อย่างที่ผู้อ่านทราบกันดีว่า Actuator คือส่วนประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิกที่แปลงพลังงานของไหลให้เป็นการเคลื่อนไหวในเครื่องจักรกล ซึ่ง Actuator มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนย้ายและควบคุมกลไกหรือระบบการทำงาน
โดยทั่วไป เราสามารถจัดประเภทของ Actuator ได้เป็นสามประเภท: Actuator ไฮดรอลิก Actuator นิวเมติกส์ และ Actuator ไฟฟ้า การจัดหมวดหมู่นี้ขึ้นอยู่กับชนิดของพลังงานที่แปลงเป็นการเคลื่อนที่เชิงกล ใน Actuator ไฮดรอลิกจะใช้ของไหลไฮดรอลิกที่มีแรงดันหรือน้ำมันไฮดรอลิก ส่วนในตัวกระตุ้นแบบนิวเมติกส์จะใช้ลมอัด และใน Actuator ไฟฟ้า พลังงานไฟฟ้าจะถูกแปลงเป็นการเคลื่อนที่ ตัวอย่างทั่วไปของ Actuator ทั้งสามหมวดหมู่คือ กระบอกสูบไฮดรอลิก แจ็คสกรู Stepper motor และมอเตอร์ไฟฟ้า เป็นต้น
ซึ่งในบทความนี้แอดมินจะมาอธิบายเกี่ยวกับ Actuator กระบอกสูบไฮดรอลิก และความแตกต่างระหว่าง Actuator กระบอกสูบไฮดรอลิก กับ Actuator กระบอกลมนิวเมติกส์กันค่ะ
สารบัญ
- Actuator กระบอกสูบไฮดรอลิก
- ความแตกต่างระหว่าง Actuator กระบอกสูบไฮดรอลิก Vs Actuator กระบอกลมนิวเมติกส์
- บทสรุป
Actuator กระบอกสูบไฮดรอลิก
Actuator กระบอกสูบไฮดรอลิก เป็นหมวดหมู่ยอดนิยมที่มีการใช้งานในงานหนัก ๆ และเหมาะสำหรับการก่อสร้างทางทะเล การก่อสร้างนอกชายฝั่ง การขนส่ง และอุตสาหกรรมการทหาร ใน Actuator กระบอกสูบไฮดรอลิก น้ำมันไฮดรอลิก ที่จะถูกใช้และถูกเพิ่มแรงดันสูงสุดเพื่อแปลงพลังงานไฮดรอลิก เป็นแรงทางกลที่มีประสิทธิภาพ ตัว Actuator นี้สามารถสร้างแรงขนาดใหญ่ และ Output ของมันจะเป็นแบบเชิงเส้น แบบหมุน หรือแบบออสซิลเลเตอร์ (oscillatory)
หากพิจารณาถึงข้อเสียของตัว Actuator กระบอกสูบไฮดรอลิก ความกังวลหลักคือการรั่วไหลของน้ำมันไฮดรอลิก ทำให้พื้นที่ทำงานสกปรกและส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ทำงานได้ ส่วนข้อกังวลอื่น ๆ คือการลงทุนเริ่มต้นและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่ค่อนข้างสูงค่ะ
ความแตกต่างระหว่าง Actuator กระบอกสูบไฮดรอลิก Vs Actuator กระบอกลมนิวเมติกส์
การทำงานพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับตัวActuator ทั้งแบบไฮดรอลิกและนิวเมติกส์มีความคล้ายคลึงกัน และในบางกรณีก็สามารถใช้แทนกันได้ แต่ถ้าให้พิจารณาถึงความแตกต่างระหว่างตัว Actuator ทั้งสองประเภทนี้ สิ่งสำคัญคือตัวกลางที่ใช้ในการแปลงพลังงานค่ะ น้ำมันไฮดรอลิกเป็นตัวกลางที่ใช้ใน Actuator กระบอกสูบไฮดรอลิก และ Actuator นิวเมติกส์ ลมอัดจะถูกใช้เพื่อแปลงเป็นการเคลื่อนที่เชิงกลค่ะ
ส่วนความแตกต่างที่สำคัญอื่น ๆ ได้แก่
- ตัวกระตุ้น (Actuator) แบบนิวเมติกส์มีประสิทธิภาพน้อยกว่าระบบไฮดรอลิก
- Actuator กระบอกสูบไฮดรอลิก สามารถผลิตแรงได้มากกว่านิวเมติกส์ ถึง 25 เท่า
- สำหรับการใช้งานที่ต้องการแรงดันและความเร็วต่ำกว่า แอดมินแนะนำให้ใช้ตัวกระตุ้นแบบนิวเมติกส์
- ตัวกระตุ้นแบบนิวเมติกส์สามารถตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัยทางกลได้อย่างง่ายดาย
- ตัวกระตุ้นแบบไฮดรอลิกเหมาะสำหรับงานที่มีกำลังสูง ในขณะที่ตัวกระตุ้นแบบนิวเมติกส์สามารถใช้กับงานที่มีอุณหภูมิสูงได้
- Actuator ไฮดรอลิกมีความสามารถในการรักษาแรงและแรงบิดให้คงที่ได้ดีกว่า
- Actuator ไฮดรอลิกให้การเคลื่อนที่เชิงเส้นที่แม่นยำเมื่อเปรียบเทียบกับนิวเมติกส์
- ตัวกระตุ้นแบบนิวเมติกส์นั้นคุ้มค่าและต้องการการบำรุงรักษาต่ำกว่า
- หากมีการทำงานซ้ำ ๆ แอดมินแนะนำให้ใช้ตัวกระตุ้นแบบนิวเมติกส์
- ตัวกระตุ้นแบบนิวเมติกส์สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงกว่าเมื่อเทียบกับตัวกระตุ้นแบบไฮดรอลิก
- ตัวกระตุ้นแบบนิวเมติกส์เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตรายมากกว่า
บทสรุป
Actuator คือส่วนประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิกที่แปลงน้ำมันไฮดรอลิกให้เป็นการเคลื่อนไหวในเครื่องจักรกล ซึ่ง Actuator มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนย้ายและควบคุมกลไกหรือระบบการทำงาน โดยส่วนมากจะนิยมใช้ Actuator ไฮดรอลิกที่ต้องใช้แรงมากหรือเครื่องจักรกลที่มีขนาดใหญ่และหนัก แต่ข้อเสียของ Actuator ไฮดรอลิก คือการรั่วไหลของน้ำมันไฮดรอลิก รวมไปถึงต้นทุนและค่าบำรุงรักษาที่สูงกว่า ตัว Actuator นิวเมติกส์มาก
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับเกร็ดความรู้พื้นฐานของ Actuator กระบอกสูบไฮดรอลิก หวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะสามารถนำความรู้ในบทความนี้ไปใช้ประโยชน์และต่อยอดได้นะคะ และบทความหน้าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร อย่าลืมติดตามตอนต่อไปกันนะคะ
สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิก ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบไฮดรอลิก วาล์วไฮดรอลิก และปั๊มไฮดรอลิก Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิกมายาวนานกว่า 50 ปี เรายินดีรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกตามสั่ง
สนใจสอบถามได้ที่
โทร : 02-026-3854
E-mail : webmaster@taecgroup.com
Facebook : thaiagency
Line ID : @thaiagency
ระบบไฮดรอลิกใช้กับการควบคุมอะไรบ้าง ?
ระบบไฮดรอลิกใช้กับการควบคุมอะไรบ้าง ?
คุณสมบัติที่ดีของระบบไฮดรอลิกคือ ให้แรงในการทำงานมากเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำหนักของปั๊มกระบอก หรือมอเตอร์ไฮดรอลิกมีความนิ่มนวลขณะทำงาน ถึงแม้กระบอกหรือมอเตอร์ไฮดรอลิกจะรับภาระที่มีน้ำหนักมาก ดังนั้นระบบไฮดรอลิกจึงนิยมนำมาใช้เป็นระบบควบคุมและส่งถ่ายกับตัวเครื่องจักรต่างๆ ซึ่งเครื่องจักรที่ระบบไฮดรอลิกที่ใช้ควบคุมการทำงานและส่งถ่ายกำลังสามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. เครื่องจักรที่เคลื่อนที่ (Mobile Machines)
คือ เครื่องจักรที่มีระบบควบคุมเป็นไฮดรอลิก เช่น รถขุด รถตัก รถคีบไม้ รถคีบ รถคีบอ้อย รถยนต์ รถบรรทุก รถทำงานเทศบาล รถยกของ เครื่องบิน เรือ เป็นต้น
2. เครื่องจักรที่ติดตั้งอยู่กับที่ (Base Machines)
เป็นเครื่องจักรที่มีระบบควบคุมแบบไฮดรอลิก มักจะอยู่ในโรงงานอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่ติดตั้งอยู่กับที่เพื่อใช้งาน ไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายบ่อยๆ โดยเครื่องจักรดังกล่าวจะมีการใช้งานการควบคุมจากตัวกระบอกสูบไฮดรอลิก เช่น
2.1 นำกระบอกสูบไฮดรอลิกไปใช้ในเครื่องเพรสไฮดรอลิก (Hydraulic Press) กดชิ้นงานให้ได้รูปร่างต่างๆ
ตามต้องการ
2.2 นำกระบอกสูบไฮดรอลิกมาใช้ปรับระดับการเติมวัตถุดิบในการผลิต
2.3 นำกระบอกสูบไฮดรอลิกมาใช้กับการควบคุมการทำงานในเครื่องฉีดพลาสติก
(Mould Injection Machine ) เช่น
- กระบอกสูบไฮดรอลิกใช้เลื่อนแม่พิมพ์
- กระบอกสูบไอดรอลิกใช้ดันแกนสกรูเกลียวในจังหวะการฉีดพลาสติก
- กระบอกสูบไฮดรอลิกใช้ดันชิ้นงานออกจากพิมพ์
- กระบอกสูบไฮดรอลิกใช้เลื่อนแท่นชุดฉีดพลาสติก
2.4 นำกระบอกสูบไฮดรอลิคมาใช้กับเครื่องมือกล (Machine Tools) เช่น
- กระบอกสูบไฮดรอลิกจับยึดชิ้นงาน
- กระบอกสูบไฮดรอลิกที่ใช้ควบคุมการเคลื่อนที่ของแท่นป้อนชิ้นงาน
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับความรู้เรื่องระบบไฮดรอลิกกับการควบคุม หวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะสามารถนำความรู้ในบทความนี้ไปใช้ประโยชน์และต่อยอดได้นะคะ และบทความหน้าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร อย่าลืมติดตามตอนต่อไปกันนะคะ
สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิค ไม่ว่าจะเป็น กระบอกไฮดรอลิก วาล์วไฮดรอลิค และปั๊มไฮดรอลิค Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกและเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิคมายาวนานกว่า 50 ปี เรายินดีรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกตามสั่ง
สนใจสอบถามได้ที่
โทร : 02-026-3854
E-mail : webmaster@taecgroup.com
Facebook : thaiagency
Line ID : @thaiagency
ผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกกับ Thai-A ดีกว่ายังไง ?
ผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกกับ Thai-A ดีกว่ายังไง ?
แอดมินเชื่อว่าในโรงงานอุตสาหกรรมทุกรูปแบบนั้นต่างก็รู้จักกระบอกสูบไฮดรอลิกและมีการนำมาประยุกต์ใช้ในงานอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างกว้างขวาง เพื่อทดแทนการใช้แรงงานจากคนและเพื่อการผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานมากยิ่งขึ้น
ทำไมต้องเลือกโรงงานผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกของ Thai-A
โรงงานผลิตอุปกรณ์และเครื่องจักร Thai-A สร้างขึ้นเพื่อให้บริการและจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องจักรที่เกี่ยวข้องกับระบบไฮดรอลิกที่ใช้ในอุตสาหกรรมและเครื่องจักรต่างๆ อย่างเช่น เครื่อง Press เครื่องจักรที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป รับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก กระบอกสูบไฮดรอลิก OEM ผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกตามสั่งได้อย่างรวดเร็ว ด้วยชุดประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิกนำเข้าจากต่างประเทศ คุณภาพดีได้มาตรฐานสากล
ผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกกับ Thai-A ดีอย่างไร ?
เราเลือกใช้ชุดประกอบคุณภาพดีเยี่ยมนำเข้าจากต่างประเทศ
พร้อมให้คำปรึกษาด้านกระบอกสูบไฮดรอลิกโดยวิศวกรประสบการณ์กว่า 50 ปี
ออกแบบและผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกโดยช่างผู้ชำนาญการ
บริการหลังการขาย และการอบรมผลิตภัณฑ์ การให้คำปรึกษาและแนะนำด้วยทีมงานคุณภาพ
มีระบบตรวจสอบคุณภาพ และประสิทธิภาพสินค้าทุกชิ้นก่อนส่ง
บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานระบบบริหารคุณภาพ และการจัดการสิ่งแวดล้อม มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และมาตรฐาน IEC
หมวดอุปกรณ์ไฮดรอลิก ประกอบไปด้วย
- ปั้มไฮดรอลิค (HYDRAULIC PUMPS)
- มอเตอร์ไฮดรอลิค
- วาล์วควบคุมทิศทาง (DIRECTIONAL CONTROL VALVES)
- วาล์วควบคุมอัตราการไหล (FLOW CONTROLS)
- วาล์วควบคุมทิศทางด้วยมือ (MANUALLY OPERATED DIRECTIONAL VALVES)
- วาล์วแบบซ้อน (MODULAR VALVES)
- กระบอกไฮดรอลิก (HYDRAULIC CYLINDERS, ACTUATORS)
- อุปกรณ์ไฮดรอลิกอื่นๆ (HYDRAULIC ACCESSORIES)
- วาล์วควบคุมความดัน (PRESSURE CONTROL VALVE)
สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิก ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบไฮดรอลิก มอเตอร์ไฮดรอลิก และปั๊มไฮดรอลิก เรารับผลิตกระบอกไฮดรอลิก ผลิตกระบอกไฮดรอลิกตามสั่ง เพราะ Thai-A ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิกมายาวนานกว่า 50 ปี และเรามีทีมงานที่มากประสบการณ์คอยให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิกอีกด้วย
สนใจสอบถามได้ที่
โทร : 02-026-3854
E-mail : webmaster@taecgroup.com
Facebook : thaiagency
Line ID : @thaiagency